วัน เวลา อิสลาม
เวลาละหมาดจังหวัดอื่นๆ
รูปภาพ
Facebook Page
Social Share

มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน


 
 
มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน


ชื่อ มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน    ชื่อรอง บ้านดอน

ละติจูด 13.744372   ลองจิจูด 100.578667

รูปภาพมัสยิด

มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน บ้านดอน

ประวัติความเป็นมา มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน

 
เมื่อประมาณ 170 ปีล่วงมาแล้ว ชนมุสลิมกลุ่มหนึ่งจากภาคใต้ของประเทศไทย คือจังหวัดปัตตานี ได้มาตั้งภูมิลำเนาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ในบริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 47 (ซอยบ้านดอน) ขณะนั้นบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดอน จึงเรียกชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านดอน” และยังไม่มีมัสยิดที่จะประกอบศาสนกิจ ต่อมาหมู่บ้านนี้(บ้านดอน) มีคนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความเป็นอยู่ได้รับความลำบากนานาประการ เนื่องจากหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนที่ดอน การขาดแคลนน้ำและการคมนาคมเป็นปัญหาสำคัญยิ่ง จึงได้รวมกันย้ายหมู่บ้านมาอยู่ที่บ้านต้นไทร ริมคลองแสนแสบ เพราะเนื่องจากมีต้นไทรต้นหนึ่ง คนทั่วไปจึงเรียกว่า “บ้านต้นไทร” แต่คนที่เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่นั้น ได้ย้ายมาจากบ้านดอน จึงเรียกชื่อหมู่บ้านนี้ว่า “บ้านดอน” จนกระทั่งปัจจุบัน
เมื่อได้ตั้งหมู่บ้านอยู่ริมคลองแสนแสบแล้ว ความเป็นอยู่ในเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้ การคมนาคมตลอดจนการประกอบอาชีพก็ได้รับความสะดวกสบายขึ้นเป็นอันมาก จนทำให้ทุกคนคิดว่าจะต้องสร้างหลักแหล่งอยู่ที่หมู่บ้านนี้ตลอดไป จึงจำเป็นต้องจัดการสร้างมัสยิด เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจขึ้น แต่มัสยิดสมัยนั้นเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวเล็กๆ ตั้งอยู่ในที่ดินส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าของที่ดินอนุญาตให้มัสยิดอาศัยอยู่ โยมีฮัจยีฮะ มุสตาฟา เป็นอิหม่าม และเมื่อฮัจยีแป้น ได้มาซื้อที่ดินที่มัสยิดตั้งอยู่ จึงได้วากัฟ(อุทิศ)ให้เป็นที่ดินของมัสยิด ร่วมกับนางมัรยัม(แมะ) เลาะเซ็ม ซึ่งเป็นบุตรสาว เป็นเนื้อที่ 62 ตารางวา เมื่อฮัจยีฮะ มุสตาฟา ได้ถึงแก่กรรมลง ฮัจยีเซ็น หวังภักดี ได้เป็นอิหม่าม และได้ดำรงหน้าที่อิหม่ามด้วยความเรียบร้อยตลอดมา
ต่อมาเมื่อฮัจยีเซ็น หวังภักดี ถึงแก่กรรมลง ฮัจยีอับดุลเลาะห์ กระเดื่องเดช ได้เข้าดำรงตำแหน่งอิหม่าม ได้บริหารและพัฒนามัสยิดให้เจริญขึ้นเป็นลำดับ โดยท่านได้ซื้อที่ดินวากัฟ(อุทิศ) ให้เป็นสมบัติของมัสยิดจำนวน 347 ตารางวา ทำให้ที่ดินของมัสยิดมีบริเวณกว้างขึ้น และได้จัดสร้างมัสยิดหลังใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2482 แทนที่มัสยิดหลังเก่าที่มีสภาพทรุดโทรม มัสยิดที่สร้างขึ้นใหม่นี้เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว ทำด้วยไม้สัก มีขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 14 เมตร มีมุขหน้า สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 1,250 บาท (หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบบาท) และหลังจากได้สร้างมัสยิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้พิจารณาเห็นว่าที่ดินรอบคลองแสนแสบ ได้ถูกน้ำกัดเซาะพังเข้ามาอยู่เสมอ จึงได้ลงเขื่อนตลอดแนวที่ดินมัสยิดเป็นที่เรียบร้อย สิ้นเงินประมาณ 175 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าบาท) ท่านได้ดำรงตำแหน่งอิหม่ามตลอดมาเป็นเวลาประมาณ 27 ปี
เมื่อ พ.ศ. 2488 ฮัจยีอับดุลเลาะห์ กระเดื่องเดช ได้ถึงแก่กรรมลง อิหม่ามชม มุสตาฟา ดำรงตำแหน่งหน้าที่อิหม่ามสืบมา โดยมีนายสมาน(อามีน) หวังภักดี เป็นคอเต็บ ฮัจยีหมัด เลาะเซ็ม เป็นบิหลั่น ในสมัยนั้นมีจำนวนสัปปุรุษและครอบครัวใหม่ๆเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และยังไม่ได้รับความสะดวกในเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปา คณะกรรมการมัสยิดจึงได้ขออนุญาตติดตั้งขึ้นจนเป็นผลสำเร็จ จนกระทั่ง พ.ศ. 2504 ปรากฏว่าจำนวนสัปปุรุษยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนมัสยิดไม่พอแก่การประกอบศาสนกิจ คณะกรรมการมัสยิดได้ตระหนักถึงเรื่องนี้มาก จึงได้ประชุมปรึกษาหารือแก้ปัญหา เห็นว่าสมควรให้สร้างอาคารมัสยิดถาวรขึ้น มีขนาดกว้างใหญ่พอแก่จำนวนสัปปุรุษ ที่จะประกอบศาสนพิธี ซึ่งในการนี้ทางคณะกรรมการมัสยิดได้มีทุนสำรองจากกรมการศาสนา ที่ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือเพื่อการซ่อมแซมตัวอาคารมัสยิดหลังเดิมเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท และจะได้ใช้เป็นทุนเริ่มแรกในการวางรากฐานดำเนินการก่อสร้างมัสยิดหลังใหม่ ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินการก่อสร้างได้ และในวาระการประชุมดังกล่าว ปรากฏว่ามีท่านผู้มีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า แสดงเจตจำนงด้วยใจบริสุทธิ์ ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อสร้างมัสยิดหลังใหม่ ดังมีรายนามต่อไปนี้
ตวนฮัจยีอิสฮาก ฮัจยะห์ทิม บุษบา เป็นเงิน 200,000 บาท
ตวนฮัจยีมูฮำหมัด พุ่มดอกไม้ เป็นเงิน 200,000 บาท
ตวนฮัจยีมะห์มูด ฮัจยะห์หย่า มะลิ เป็นเงิน 150,000 บาท
ตวนฮัจยีอับดุลเลาะห์ ฮัจยะห์แปลก น้อยนงเยาว์ เป็นเงิน 100,000 บาท
ฮัจยะห์อามีนะห์ สาสกุล เป็นเงิน 100,000 บาท
ตวนฮัจยีมาน ฮัจยะห์หร่ำ พุ่มดอกไม้ เป็นเงิน 50,000 บาท
ตวนฮัจยียูโซะห์ ฮัจยะห์ซุไลคอ สนธิศิริ เป็นเงิน 20,000 บาท
นายพัน ฮัจยะห์ฟาตีเมาะห์ โพธิบุตร เป็นเงิน 20,000 บาท
นายซัน ฮัจยะห์อาอีซะห์ ออมแก้ว เป็นเงิน 10,000 บาท
นายหวังลี นางมณี จิตต์อีหมั่น เป็นเงิน 10,000 บาท
เมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาถึงจำนวนเงินที่ได้รับบริจาคนี้ เห็นว่ามีจำนวนเงินมากพอที่จะก่อสร้างมัสยิดถาวรได้ จึงได้กำหนดโครงการสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น มีขนาดกว้าง 19 เมตร ยาว 37 เมตร โดยมีหออาซานพร้อมสรรพ แต่ก่อนที่จะลงมือทำการก่อสร้าง คณะกรรมการมัสยิดเห็นว่า ควรจะได้ขยายที่ดินให้มีบริเวณกว้างมากกว่าที่มีอยู่เดิม จึงได้ลงมติซื้อที่ดินบริเวณติดต่อกันเพิ่มขึ้นอีก 100 ตารางวา เป็นเงิน 35,000 บาท (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยจัดสรรให้บรรดาสัปปุรุษซื้อและได้ทำการวากัฟ(อุทิศ)ให้เป็นสมบัติของมัสยิดจนเป็นผลสำเร็จ และในการนี้นางกามาเรียะห์ กระเดื่องเดช กับนางแมะ กระเดื่องเดช ได้วากัฟ(อุทิศ)ที่ดินให้เพิ่มขึ้นอีกรายละ 5 ตารางวา รวมเป็น 10 ตารางวา ดังนั้นมัสยิดจึงมีที่ดินรวมทั้งสิ้น 519 ตารางวา แต่ด้วยบริเวณส่วนหนึ่งของที่ดินที่จะสร้างมัสยิดหลังใหม่เป็นบ่อใหญ่และลึก จำเป็นต้องจัดการถมดินเสียก่อน และในการนี้ฮัจยีมะห์มูด มะลิ และนายพัน โพธิบุตร ได้ยอมให้ขุดดินในที่ดินของตน เพื่อมาถมบ่อจนเต็มเป็นที่เรียบร้อย
ด้วยมัสยิดนี้ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ ซึ่งการคมนาคมทางบกยังไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร คณะกรรมการจึงได้มีโครงการตัดถนนเข้าสู่มัสยิด เชื่อมจากซอยประเสริฐสิษฐ์ ซึ่งซอยนี้แยกจากซอยสุขุมวิท 49 (ซอยกลาง) ในการนี้ได้มีผู้ยินยอมให้ที่ดินสำหรับทำถนน พร้อมด้วยเนื้อดินถมเป็นถนนคือ
ฮัจยีกอเซ็ม หนูรักษ์ เนื้อที่ 160 ตารางวา
ฮัจยะห์ฮัฟเซาะห์ ออมแก้ว เนื้อที่ 160 ตารางวา
ฮัจยีหวังลี จิตต์อีหมั่น เนื้อที่ 100 ตารางวา
นายหรี่ นางเด๊ะ เนื้อที่ 11 ตารางวา
ฮัจยีซัลลีม หนูรักษ์ เนื้อ 80 ตารางวา
นางแมะ กระเดื่องเดช เนื้อที่ 67 ตารางวา
ฮัจยีเกษม วงษ์ปถัมภ์ เนื้อที่ 69 ตารางวา
ฮัจยีเดช หนูรักษ์ เนื้อที่ 69 ตารางวา
ต่อจากนั้นได้จัดทำถนนกว้าง 4 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร และนายพัน โพธิบุตร ได้สละที่ดินถมถนนเพิ่มขึ้นอีกจน
แล้วเสร็จเมื่อได้จัดทำถนนและขยายที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างมัสยิดโดยวิธีการเปิดซองประมูลราคา ซึ่งได้แก่ บริษัทวัฒนาก่อสร้างจำกัด เป็นรับเหมาทำการก่อสร้างตามแบบแปลนของเทศบาลนครกรุงเทพฯ
โดยคณะกรรมการและสัปปุรุษ ได้มอบความไว้วางใจแต่งตั้งให้นายสมพร พุ่มดอกไม้ กรรมการมัสยิดคนหนึ่ง ผู้เป็นกำลังสำคัญในการก่อสร้างครั้งนี้ เป็นผู้เซ็นสัญญากับบริษัทวัฒนาก่อสร้างจำกัดแต่เพียงผู้เดียว และได้แต่งตั้งฮัจยีสมาน หวังภักดี คอเต็บ และฮัจยีหมัด เลาะเซ็ม บิหลั่น เป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้าง และได้แต่งตั้งให้อาจารย์มูฮำหมัด มะหะหมัด (ครูหมัดไฝ) เป็นเจ้าหน้าที่รับเงินบริจาค ทำหน้าที่ควบคุมดูแลและเก็บรักษาเงินของมัสยิดแต่ผู้เดียว
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 25505 คณะกรรมการมัสยิดและสัปปุรุษได้จัดงานวาง “ศิลารากฐาน” โดยท่านจุฬาราชมนตรี ต่วน สุวรรณศาสน์ ในวันนั้นได้มีพี่น้องมุสลิมจากภายในตำบลและภายนอกตำบลอื่นๆ ได้บริจาคสมทบทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนเงิน 140,000 บาท (หนึ่งแสนสี่หมื่นบาท)
มัสยิดหลังใหม่นี้ สร้างเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น มีขนาดกว้าง 19 เมตร ยาว 37 เมตร มีมุขหน้า มีชานโดยรอบกว้าง 2 เมตร พื้นไม้แดง มีสองโดม และหออะซานสูงประมาณ 20 เมตร มีรั้งเหล็กและกำแพงคอนกรีตล้อมรอบบริเวณ จัดทำที่สำหรับอาบน้ำละหมาด 10 ก๊อก ห้องน้ำ 3 ห้อง ตั้งแต่เริ่มทำการก่อสร้างจนแล้วเสร็จเป็นเวลา 11 เดือน ค่าก่อสร้างรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 1,036,000 บาท (หนึ่งล้านสามหมื่นหกพันบาท) เงินที่ใช้ในการก่อสร้างได้รับบริจาคจากบรรดาสัปปุรุษ ที่ได้นำมาบริจาคสมทบ ซึ่งทั้งนี้ทางมัสยิดมิได้ส่งผู้แทนออกเรี่ยราย ณ ที่ใดเลย ด้วยผลงานต่างๆที่กล่าวมาแล้ว ได้ประสบความสำเร็จจนปรากฏผลเป็นที่น่าภาคภูมิใจ ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากบรรดาสัปปุรุษของมัสยิดนี้ และคณะกรรมการทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการประสานงานและความสามัคคีอันเข้มแข็งของกรรมการชุดปัจจุบัน เราทุกคนต่างยึดมั่นในคติที่ว่า “ความสามัคคีเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ” อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์
ด้วยบารอกัตและเนียะมัตขององค์อัลเลาะห์ตาอาลา กิจกรรมอันสำคัญนี้จึงสำเร็จลุล่วง สมความมุ่งหมายทุกประการ
รายชื่อบรรดาอิหม่ามมัสยิดดารุ้ลมุห์ซีนีย(บ้านดอน) ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ฮัจยีฮะ มุสตาฟา
ฮัจยีฮุเซ็น หวังภักดี
ฮัจยีอับดุลเลาะห์ กระเดื่องเดช
ฮัจยีชม มุสตาฟา
ฮัจยีอับดุลมุบีน มะลิ
ฮัจยีอุสมาน มะลิ (ปัจจุบัน)
นอกจากนี้ในชุมชนดารุ้ลมุห์ซีนีน(บ้านดอน) ยังมีสถาบันสอนศาสนา ที่ผลิตบุคลากรรับใช้สังคมมุสลิมมากมาย นั่นคือ โรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอุลูมิดดีนียะห

 

รายละเอียดอื่นๆ

  -ไม่มีข้อมูล-
ที่อยู่ มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน

บ้านเลขที่ 573 หมู่ที่ -
หมู่บ้าน/ชุมชน - ซอย สุขุมวิท 49/14
ถนน สุขุมวิท 49/14 ตำบล คลองเตยเหนือ
อำเภอ วัฒนา จังหวัด กรุงเทพมหานคร
รหัสไปรษณีย์ 10110 ประเทศ ประเทศไทย

ข้อมูลติดต่อ มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน

โทรศัพท์ 0816543647    
อีเมล miftah@miftahbandon.org เว็บไซต์ www.miftahbandon.org
Facebook - Twitter -
คณะกรรมการอิสลามประจำ มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน
ลำดับที่
ชื่อ - นามสกุล
ตำแหน่ง
1
นายอรุณ  บุญชม อิหม่าม
ข้อมูลรายละเอียด มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน

ทะเบียนเลขที่ 45 วันจดทะเบียน -
อายุมัสยิด - จำนวนชั้น -
ความยาวอาคาร - ความกว้างอาคาร -
จำนวนความจุ - จำนวนสัปบุรุษ -
อาคารอื่นๆ -

แหล่งที่มาของข้อมูล มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน

ประเภทแหล่งที่มา - แหล่งที่มา -
ระดับความน่าเชื่อถือของข้อมูล - เว็บไซต์ -

การเพิ่มและแก้ไขข้อมูล มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน

เพิ่มข้อมูลโดยคุณ admin เพิ่มข้อมูลเมื่อ 8 พฤษภาคม 2554, 17:56 น.
ผู้แก้ไขข้อมูลล่าสุด admin แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2556, 22:49 น.
เพิ่มข้อมูลด้วย IP 202.12.73.193 แก้ไขข้อมูลด้วย IP 124.120.220.72
สถิติการเข้าชม 592 ครั้ง

รายงานผู้ดูแลระบบ
  แก้ไขข้อมูล
แจ้งแก้ไขข้อมูล
แจ้งลบข้อมูล
เวลาละหมาด มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน
เวลาละหมาด กรุงเทพมหานคร

เส้นทางไปยังมัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน
เปิดนำทางใน Google Maps

คลิกที่นี้ เพื่อแสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นของ มัสยิดดารุ๊ลมุห์ซีนีน
-ไม่มีการแสดงความคิดเห็น-